สาลิกาคว่ำหงส์ ชูถ้วยแรกในรอบ 70 ปี
ในที่สุด สาลิกาดงนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าแชมป์บนแผ่นดินอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี หลังจากที่ต้องรอคอยการเป็นแชมป์รายการใหญ่มาตั้งแต่ปี 1969 ด้วยชัยชนะเหนือหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพที่สนามเวมบลีย์
กองเชียร์ ทูน อาร์มี่ ต่างปลื้มปิติสุดขีด เมื่อแดน เบิร์น และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ทำคนละประตูให้ทีมนำห่างทั้งก่อนและหลังพักครึ่ง เบิร์น ฉลองการติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกด้วยการโหม่งลูกเตะมุมของ คีแรน ทริปเปียร์ เป็นประตูขึ้นนำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนที่ อิซัค จะฉวยโอกาสจากการโหม่งตั้งของ เจค็อบ เมอร์ฟีย์ แล้วซัดจบสกอร์อย่างเฉียบขาดในนาทีที่ 52
ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งตกรอบยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกด้วยการแพ้ดวลจุดโทษให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ประตูตีไข่แตกจากตัวสำรอง เฟเดริโก้ เคียซ่า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม นิวคาสเซิล ยังคงรักษาสกอร์ไว้ได้และคว้าแชมป์ใหญ่ครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่รายการ อินเตอร์ ซิตี้ แฟร์ส คัพ ปี 1969 และเป็นแชมป์ในประเทศครั้งแรกตั้งแต่เอฟเอ คัพ ปี 1955
เสียงนกหวีดสุดท้ายที่เวมบลีย์ถูกต้อนรับด้วยเสียงโห่ร้องดีใจจากแฟนนิวคาสเซิล เมื่อพวกเขาฉลองแชมป์ที่รอคอยมานานถึง 56 ปี
ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายไม่แพ้ถ้วยรางวัลอื่นๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ของ "เดอะ แม็กพายส์" และทำให้ชื่อของ เอ็ดดี้ ฮาว ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ พร้อมกับลูกทีมที่โชว์ฟอร์มสมศักดิ์ศรี จนสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมให้กับแฟนๆ และนอกจากนี้ นิวคาสเซิล ยังได้ตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้าอีกด้วย
พวกเขาเล่นด้วยความกระตือรือร้นและเฉียบคมมากกว่าลิเวอร์พูลตลอดทั้งเกม แม้ว่าช่วงท้ายจะมีความตึงเครียดเมื่อวีเออาร์ใช้เวลานานในการตรวจสอบประตูของ เคียซ่า ว่าล้ำหน้าหรือไม่
สำหรับ เบิร์น ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนิวคาสเซิลตั้งแต่เด็ก เขาได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษโดยกุนซือใหม่อย่าง โธมัส ทูเคิ่ล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเขาก็ปิดสัปดาห์ที่สมบูรณ์แบบด้วยการทำประตูสำคัญให้ทีมขึ้นนำ ขณะที่ อิซัค ก็ตอกย้ำชัยชนะด้วยการยิงประตูที่สองอย่างเฉียบขาด ทำให้ทีมของ ฮาว ได้เล่นอย่างมั่นใจมากขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
หนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของนิวคาสเซิลคือ โชเอลินตอน ซึ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดในแดนกลาง คอยปลุกเร้าแฟนบอลทุกครั้งที่เขาเข้าปะทะและตัดเกมของ ลิเวอร์พูล ได้ ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการปลดล็อกช่วงเวลาที่แห้งแล้งและไร้แชมป์ของสโมสร พร้อมกับยุติสถิติแพ้ในรอบชิงที่เวมบลีย์ถึง 9 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อ 70 ปีก่อน นี่เป็นปาร์ตี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวมบลีย์ และแน่นอนว่ามันจะต่อเนื่องไปจนถึงถิ่นไทน์ไซด์
แม้ว่า ลิเวอร์พูล ยังมีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ แต่โอกาสในการคว้าถ้วยรางวัลอื่นๆ ก็จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วในสัปดาห์นี้ พวกเขาตกรอบยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ด้วยน้ำมือของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทั้งที่สมควรเป็นฝ่ายเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปเจอกับ แอสตัน วิลล่า มากกว่า และในนัดชิงคาราบาวคัพนี้ พวกเขาก็กลับมาแพ้อีกครั้งให้กับนิวคาสเซิลอย่างหมดจด
https://www.facebook.com/profile.php?id=61561383306963
ลิเวอร์พูลดูเหนื่อยล้าและขาดพลัง แม้ว่า เคียซ่า จะยิงประตูตีไข่แตกในช่วงท้าย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าพวกเขาจะกลับมาได้เลย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูก ติโน่ ลิฟราเมนโต้ จัดการได้อย่างอยู่หมัด ขณะที่แนวรับของพวกเขาก็มีข้อผิดพลาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประตูแรกที่ เบิร์น โขกเข้าไปง่ายๆ เพราะถูกปล่อยให้ยืนโล่งๆ มีเพียง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ซึ่งรูปร่างเล็กกว่ามาก ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
แผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลดูอ่อนล้าและช้ากว่านิวคาสเซิลอย่างเห็นได้ชัด และพวกเขาก็ต้องรับบทเรียนจากการประกบตัวที่ผิดพลาดอีกครั้ง เมื่อ อิซัค จบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาดในประตูที่สอง
ทีมของ อาร์เน่ สล็อต เริ่มแสดงอาการหมดแรง และเขาหวังว่าช่วงเบรกทีมชาติจะช่วยให้พวกเขากลับมาฟิตพร้อมอีกครั้งสำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ซึ่งพวกเขาน่าจะคว้าแชมป์ไปครองได้ไม่ยาก แม้ว่าลิเวอร์พูลจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาตลอดฤดูกาล แต่ความพ่ายแพ้สองนัดติดในรายการใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับลิเวอร์พูลในการทำดับเบิ้ลและทริปเปิ้ลแชมป์